มัลแวร์ มีอะไรบ้าง

มัลแวร์ มีอะไรบ้าง

มัลแวร์ มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท แล้วทำไมคุณต้องทำความรู้จักกับ มัลแวร์ มันแตกต่างไวรัสอย่างไร บ่อยครั้งที่เราเอาคอมพิวเตอร์ไปซ่อมที่ร้าน แล้วมักจะได้ยินคำว่าคอมติดไวรัส แต่ไม่ค่อยได้ยินคำว่าคอมฯ ติดมัลแวร์สักเท่าไหร่ มัลแวร์คืออะไร อันตรายไหม เราอยากให้ทุกคนมาหาคำตอบในบทความนี้ เพราะมันจะมีประโยชน์อย่างมาก เพื่อไม่ให้คอมฯ ของคุณถูกโจมตีจนทำให้ระบบเสียหาย หรือแม้แต่การถูกโจรกรรมข้อมูล ถ้าทุกคนอยากรู้แล้วว่า มัลแวร์ คืออะไร ตามไปดูพร้อมๆ กันเลย 

หากคุณต้องการลบมัลแวร์ออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ – อ่านรีวิวของเราตัวกำจัดมัลแวร์ที่ดีที่สุด

มัลแวร์คืออะไร

มัลแวร์ (Malware) ย่อมาจาก “Malicious Software” คือ โปรแกรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อโจมตีระบบ ทำให้ระบบได้รับความเสียหาย รวมไปถึงการโจรกรรมข้อมูล โดยใช้วิธีที่หลากหลายในการโจมตีหรือโจรกรรม แล้วแต่การออกแบบของผู้พัฒนา จริงๆ แล้วต้องเรียกว่าผู้ไม่หวังดีหรือแฮ็กเกอร์ถึงจะถูก หากคอมพิวเตอร์ได้รับมัลแวร์ ซึ่งมัลแวร์จะเข้าไปในทรัพย์ยากรทั้งหมดของคอมพิเวอตร์ มันอาจแชร์ข้อมูลส่วนตัวของคุณออกไปในระยะไกล หรือทำลายให้ระบบเสียหายได้ แล้วที่เรามักจะได้ยินคำว่า “ไวรัส” กันจนคุ้นหู จริงๆ แล้วไวรัส ก็คือ มัลแวร์ ชนิดหนึ่ง นอกจากไวรัสแล้ว มัลแวร์ มีอะไรบ้าง หรือมีทั้งหมดกี่ประเภท มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย 

ประเภทของมัลแวร์

Viruses

เริ่มต้นกันที่มัลแวร์ประเภทแรก ที่เราได้ยินกันคุ้นหูมากที่สุด ก็คือ ไวรัส นั่นเอง ไรวัส (Viruses) มักจะแฝงตัวอยู่ในไฟล์ต่างๆ หากคุณพลาดเปิดไฟล์ดังกล่าวไว้ ไวรัสจะทำการติดตั้งตัวเองลงไปในระบคอมพิวเตอร์ จากนั้นจึงทำสำเนาขึ้นมา ก่อนจะส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เพื่อขยายวงกว้างในการโจมตีออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม การทำสำเสาตัวเองแล้วแพร่กระจายไปยังเครื่องอื่น จะต้องอาศัยไฟล์พาหะ และจะเริ่มโจมตีได้เมื่อไฟล์ที่มีไวรัสถูกเปิดการใช้งาน ส่งผลให้ไฟล์ในเครื่องที่ถูกโจมตีนั้น เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก 

มีปัญหากับไวรัสคอมพิวเตอร์ อ่านเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดที่นี่

Spyware

สปายแวร์ (Spyware) หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าซอฟแวร์สายสืบ มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ หรือข้อมูลในองค์กรแบบลับๆ จากนั้นจึงส่งข้อมูลกลับไปยังแฮกเกอร์ ส่วนใหญ่แล้วข้อมูลที่ถูกสปายแวร์ล้วงลับ มักจะนำไปขายต่อ แต่ถ้าเป็นกรณีรุนแรง เช่น การขโมยข้อมูลในบัตรเครดิต หรือข้อมูลสำคัญทางการเงิน เป็นต้น อาจสร้างความเสียหายแบบรุนแรง สปายแวร์บางชนิด สามารถติดตั้งซอฟแวร์เพิ่มเติม เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าอุปรกรณ์ ไว้สำหรับเอื้ออำนวยต่อการโจมตีได้มากขึ้นด้วย 

Trojans

โทรจัน (Trojans) มัลแวร์ประเภทนี้ จะปลอมตัวมาเป็นไฟล์ธรรมดาทั่วไป ที่ดูเหมือนไม่มีพิษ ไม่มีภัยอะไร จะเรียกว่าเป็นใส้ศึกดีๆ ก็ว่าได้ เช่น ปลอมตัวเข้ามาในไฟล์ Excel แต่ทันทีทันใดที่เราเปิดไฟล์นั้นขึ้นมา โทรจัน ก็จะเริ่มทำงานทันที ลักษณะสำคัญของโทรจัน คือ ได้รับการขนานนามว่าเป็น ม้าโทรจัน เพราะถูกใช้เปรียบเทียบกับตำนานของชาวกรีก ที่ชาวกรีกได้มอบม้าไม้ยักษ์เป็นของขวัญในการสงบศึกให้แก่ชาวโทรจัน แต่ความจริงในม้านั้นกลับซ่อนกองทัพเอาไว้ เมื่อทหารโทรจันเข็นม้าเข้าเมือง กองทัพ อาวุธ ต่างๆ ที่ถูกซ่อนในม้ายักษ์ก็ออกมารบ ทำสงครามจนชนะในที่สุด เจ้ามัลแวร์ โทรจัน ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเราเปิดไฟล์ที่มีโทรจันแอบแฝงอยู่ โทรจันจะออกมาโจมตี หรือเข้ามาล้วงเอาข้อมูล แอบดูกิจกรรมต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งการขโมยรหัสผ่านด้วยเช่นเดียวกัน 

Rootkits

รูตคิต (Rootkits) คือ มัลแวร์ที่มีคุณสมบัติ 2 อย่าง ได้แก่ เข้าถึงสิทธิของระบบ และพรางตัวแอบซ่อน เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เป็นมัลแวร์ที่ทำงานในส่วนสำคัญภายใต้ระบบปฏิบัติการ ที่ต้องใช้สิทธิพิเศษในการเข้าถึง ในขณะเดียวกัน รูตคิต ก็มีเครื่องมือหลายชนิดในการโจมตี รูตคิต แบ่งออกเป็นหลายระดับ มีตั้งแต่การโจมตีระดับเบา โจทตีการทำงานอยู่ในซอฟแวร์ ระดับกลาง ซ่อนตัวแอบแฝงอยู่ใน Device Drivers และ ระดับรุนแรงที่ซ่อนตัวอยู่ใน Kernel หรือ Bootloader 

Backdoors

แบคดอร์ (Backdoors) คือ รูรั่วของซอฟแวร์ ที่ผู้พัฒนาหรือผู้ไม่หวังดีจงใจสร้างมันขึ้นมา มันจะส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ติดตั้ง จากนั้นส่งกลับข้อมูลมายังผู้พัฒนา เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ และเมื่อแฮ็กเกอร์ได้ทำการแฮ็กเอาข้อมูลไปแล้ว ยังสามารถทำลายหลักฐานต่างๆ ใน Log File ได้ด้วย ทำให้เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกแบคดอร์เล่นงานอยู่ 

Worms

มัลแวร์ประเภทนี้ ได้รับคำเปรียบเปรยว่าเป็นเหมือน “หนอนโปรแกรมคอมพิวเตอร์” มันสามารถแพร่กระจายตัวเองจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งได้ โดยอาศัยระบบเน็ตเวิร์ก (E-mail) การแพร่กระจายสามารถทำได้ด้วยตัวของมันเอง และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่ามันสร้างความเสียหายได้มากกว่าไรวัสเลยทีเดียว 

Ransomware

Ransomware คือ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ ตัวร้าย มันจะโจมตีด้วยการเข้ารหัสไฟล์บนคอมพิวเตอร์ จากนั้นเหมือนกับโจรเรียกค่าไถ่ โดยจับไฟล์เป็นตัวประกัน ถ้าไฟล์นั้นสำคัญมาก และหากผู้ใช้งานต้องการจะปลดล็อคไฟล์คืน ก็ต้องยามจ่ายเงินให้กับแฮ็กเกอร์ด้วย Bitcion บางครั้งผู้ใช้งานอาจเสียเงินเป็นพัน หรือหลายแสนบาทเลยทีเดียว 

Adware

มัลแวร์ Adware คือ ซอฟแวร์ที่สนับสนุนโฆษณา ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของการทำตัวเป็นซอฟแวร์ที่ไม่มีพิษ ไม่มีภัย อาจติดมากับตัวของโปรแกรม หรืออาจปรากฏอยู่บนบราวเซอร์ แม้กระทั่งหน้าต่าง Popup ที่เด้งขึ้นมา แม้มัลแวร์ประเภทนี้ อาจไม่ได้สร้างความเสียหายมากมาย แต่มันกลับสร้างความรำคาญใจไม่ใช่น้อยให้กับผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม หากเราเผลอไปติดตั้งโปรแกรมหรือดาวน์โหลดโปรแกรม โดยไม่อ่านรายละเอียดให้ดี อาจมีมัลแวร์ประเภทนี้แอบแฝงมาด้วยก็ได้ 

การติดมัลแวร์เกิดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อได้รู้แล้ว่ามัลแวร์ มีอะไรบ้าง หรือมีกี่ประเภท แล้วคุณเลยสงสัยไหมว่า การติดมัลแวร์ เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยมัลแวร์ ที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้ไม่หวังดีนั้น มีหลายวิธีในการแพ่รกระจาย สามารถแพร่กระจายได้ทาง Physicle ตาม Flash Drive หรือทางอินเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่แล้วมักจะกระจายตัวอยู่ทางอินเทอร์เน็ตมากกว่า ผู้ใช้งานอาจเผลอไปดาวน์โหลด หรือคลิ๊กไฟล์มัลแวร์มาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเนื้อหาภายในลิงค์ที่ส่งมาให้ทาง E-mail เมื่อคลิ๊กเข้าไปแล้ว ก็อาจมีมัลแวร์ซ่อนอยู่ได้ 

จะตรวจจับมัลแวร์ได้อย่างไร

การตรวจจับมัลแวร์ จำเป็นต้องให้โปรแกรมเข้ามาช่วย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องของเรา มีมัลแวร์ ที่กำลังสร้างความเสียหาย ทำลายระบบหรือแฮ็กข้อมูลอยู่หรือเปล่า สังเกตได้ง่ายๆ เลยคือ เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำงานได้ช้าลง ไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังอาจมีการส่ง E-mail โดยที่ผู้ใช้งานไม่รู้ตัวด้วย เนื่องจากมัลแวร์ได้พยายามซ่อนตัวอยู่ในระบบปฏิบัติการ (Operating System)

วิธีป้องกันมัลแวร์

  • อัพเดทระบบปฏิบัติการสม่ำเสมอ 

พยายามอัพเดทระบบปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เนื่องระบบปฏิบัติการใหม่ มักจะมีการตรวจจับมัลแวร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงในด้านความปลอดภัยด้วย 

  • ดาวน์โหลดโปรแกรมที่เชื่อถือได้ 

บางครั้งมัลแวร์ อาจแอบแฝงมาในโปรแกรม ที่เราดาวน์โหลด ดังนั้น ก่อนดาวน์โหลดโปรแกรมใดก็ตาม ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้องศึกษารายละเอียดของโปรแกรมนั้นให้ดี และไม่ควรดาวน์โหลดโปรแกรมเถื่อนที่เชื่อถือไม่ได้ 

  • ติดตั้งซอฟแวร์ที่ถูกกฎหมาย 

ติดตั้งซอฟแวร์ที่ถูกกฎหมายเสมอ เพราะซอฟแวร์ที่เชื่อถือไม่ได้ หรือผิดกฎหมาย อาจมีมัลแวร์แฝงตัวอยู่ด้วยได้ 

  • ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส 

มองหาโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ช่วยตรวจจับมัลแวร์ และลบมัลแวร์ออกจากเครื่อง เช่นเดียวกัน เลือกโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่เชื่อถือได้เท่านั้น 

  • ระวังการเปิดไฟล์ หรือรูปภาพในเมลล์ 

หากมีผู้ส่งที่คุณไม่รู้จัก ส่ง E-mail ไฟล์ รูปภาพ หรือแม้กระทั่งลิ้งค์ที่ดูไม่น่าเชื่อถือ ห้ามคลิ๊กหรือเปิดไฟล์โดยเด็ดขาด ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นผู้ที่ไม่หวังดี ต้องการแฮ็กข้อมูลของคุณได้ ด้วยการปล่อยมัลแวร์เข้าเครื่องของคุณนั่นเอง 

วิธีลบมัลแวร์

หากต้องการจะลบมัลแวร์ออกจากเครื่อง อาจจะต้องมองหาโปรแกรมที่ใช้ในการตรวจจับ เพื่อสแกนหามัลแวร์ หรือโปรแกรมป้องกันไวรัส เข้ามาช่วย และต้องหมั่นสแกนหามัลแวร์ เพื่อลบออกจากเครื่องเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ของคุณเสียหาย ตลอดจนโดนแฮ็กข้อมูลสำคัญไป อย่างไรก็ตาม การใช้โปรแกรมในการตรวจจับและลบมัลแวร์นั้น จะต้องเลือกโปรแกรมดีๆ เชื่อถือได้ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องราวที่น่าสนใจของ มัลแวร์ เชื่อว่าพอได้ศึกษามาจนถึงจุดนี้แล้ว หลายๆ คนก็คงมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น เกี่ยวกับมัลแวร์ มัลแวร์ มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท รวมถึงการป้องกันมัลแวร์ด้วย ในโลกของเทคโนโลยีที่ทันสมัย แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ถ้าเราใช้ผิดวิธีหรือไม่ละเอียดรอบคอบมากพอ ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งาน ก็เหมือนเหรียญที่มีทั้งสองด้าน และด้านที่ร้าย บางครั้ง อาจส่งผลกระทบที่รุนแรง สร้างความเสียหายชนิดที่คุณไม่เคยคิดมาก่อนเลย

สำหรับผู้ที่สนใจในการรักษาความปลอดภัยทางการเงินทางออนไลน์ โปรดดูโพสต์เกี่ยวกับ Revolut

Facebook
Twitter