ReadyPlanet R-CRM ต้องยอมรับว่าเป็นบริษัทที่นักการตลาดไทยคุ้นหู หรือ รู้จักกันเป็นอย่างดี บริษัทผู้เชี่ยวชาญเรื่องแพลตฟอร์มการขาย การทำการตลาดแบบครอบคลุม หรือ All-in-One ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโฆษณา และระบบลูกค้าสัมพันธ์ หรือ CRM โดย ReadyPlanet ก่อตั้งขึ้นมายาวนานมากกว่า 20 ปีแล้ว ปัจจุบันมีลูกค้ามากกว่า 15,000 ราย วันนี้เราจะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ReadyPlanet R-CRM และตอบทุกคำถามเกี่ยวกับ Readyplanet คืออะไร พร้อมไขข้อสงสัยว่า readyplanet ดีไหม น่าสนใจแค่ไหน ตามไปดูเลย
ReadyPlanet R-CRM คืออะไร?
ก่อนจะไปดูว่า ReadyPlanet R-CRM คืออะไร เรามาทำความรู้จักกับ R-CRM กันก่อนดีกว่า โดย R-CRM เป็นระบบสำหรับการบริหารจัดการลูกค้า (Customer Relationship Management) ช่วยให้คุณสามารถติดตามลูกค้า ทราบประวัติของลูกค้า รวมถึงสามารถช่วยติดตามดีลต่างๆ ได้ นอกจากนั้น R-CRM ก็ยังช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการทีมขายของคุณได้ง่ายขึ้น คุณสามารถมองเห็นภาพดีลหรือกิจกรรมการขายที่กำลังดำเนินการอยู่ ใช้สำหรับมอบหมายงานและติดตามผลลัพธ์แต่ละรายการได้
สำหรับ ReadyPlanet คือ ซอฟต์แวร์การทำการตลาดแบบ All-in-One โดยเป็นซอฟต์แวร์สัญชาติไทย ที่มีการแบ่งซอฟต์แวร์ออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ การดูแลโฆษณา เว็บไซต์ และ CRM แม้จะแบ่งซอฟต์แวร์ออกเป็น 3 ก้อน แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ามันสามารถเชื่อมโยงเข้าถึงกันได้อย่างลงตัวมากๆ สำหรับ Readyplanet Marketing Platform เครื่องมือที่สามารถเชื่อมต่อได้หลากหลาย โดยเฉพาะการเชื่อมต่อแพลตฟอร์ม เว็บไซต์และร้านค้าออนไลน์ สามารถส่งข้อมูลของลูกค้าที่เกิดจากการกรอกแบบฟอร์ม หรือ สั่งซื้อสินค้าจากหน้าเว็บ มายัง R-CRM นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อระบบแชทบนหน้าเว็บไซต์ได้ด้วย ช่วยให้คุณสามารถติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ไม่เพียงแค่การเชื่อมต่อระบบแชทบนเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Line , Facebook Messenger ก็สามารถมารวมกันที่ฟีเจอร์ Chat Center ได้
R-CRM ทำงานอย่างไร?
อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า R-CRM เป็นระบบสำหรับการบริหารจัดการลูกค้าและช่วยให้สามารถบริหารจัดการทีมขายได้ง่ายขึ้น โดยการใช้งาน ReadyPlanet R-CRM มีดังนี้
- สำหรับจัดการเซลล์และแบ่งความรับผิดชอบ Lead
ReadyPlanet แพลตฟอร์มนี้ ช่วยให้คุณเข้าถึงเครื่องมือได้หลายตัว และยังถูกออกแบบมาให้สามารถตั้งค่าพนักงานขายแต่ละคนให้มีสิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือตัวไหนได้บ้าง ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ และแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เช่น ผู้ดูแล ผู้ใช้ และไม่มีสิทธิ์ อย่างเช่น ผู้ดูแล สามารถตั้งค่าเริ่มต้นทีมเซลล์ A ใช้ Pipeline ไหน หรือแบ่งการดูแล Lead ต่างๆ ซึ่งหากเป็นผู้ใช้ จะสามารถดูเครื่องมือนั้นๆ ได้ แต่ไม่สามารถตั้งค่าได้ นอกจากการอนุญาตให้เข้าถึงการตั้งค่าแล้ว ReadyPlanet R-CRM ยังสามารถจัดตั้งทีมขายได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งหัวหน้าทีม หรือ ลูกทีม เพื่อกระจาย Lead และง่ายต่อการวัดผล
- UI เป็นมิตร เข้าถึงเมนูต่างๆ ได้ง่าย
การทำงาน R-CRM มีการใช้ Pipeline ติดตามลูกค้า โดย Pipeline สามารถปรับแต่งได้เอง เช่น เพิ่มขั้นตอนการออกไปหาลูกค้าใน Pipeline ของทีม ดังนั้น การใช้งานบน ReadyPlanet จึงเหมาะกับการใช้งาน แม้ต้องร่วมงานกับทีมขายอื่นๆ ที่มีระบบการทำงานแตกต่างกัน แต่ก็สามารถทำงานได้ง่ายๆ บนแพลตฟอร์มเดียวกัน หรือแม้กระทั่งการที่เซลล์ลาออก ก็สามารถนำเซลล์คนอื่นเข้ามารับหน้าที่ต่อกันได้เลยทันที นอกจากนั้น R-CRM ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับห้องแชทของ Line และ Facebook ได้ด้วย ช่วยให้ทีมขายมาสามารถติดต่อพูดคุยกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น สามารถติดต่อสื่อสารหรือพูดคุยกันผ่านแพลตฟอร์ม R-CRM ได้ทุกที่ ทุกเวลา
- ใช้ Tag และ Icon บอกรายละเอียด
บน R-CRM สามารถใช้ Tag และ Icon บอกรายละเอียดของลูกค้าได้ โดยใช้ Icon แทนสถานะของลูกค้า เช่น นิติบุคคล บุคคลธรรมดาทั่วไป และ หน่วยงานราชการ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ง่ายขึ้น ทั้งการนำเสนอ ติดตาม และการนัดพูดคุย ส่วนการติด Tag ทำให้เซลล์สามารถเข้าใจรายละเอียดของ Lead ได้ง่าย เช่น การติด Tag B2B ทำให้ทราบว่าเป็นการซื้อขายระหว่างธุรกิจด้วยกัน
การนำ Lead เข้าสู่แพลตฟอร์ม R-CRM วิธีคลาสสิก คือ การรวมข้อมูลรายชื่อเป็นไฟล์ Excel หรือ สกุล .cvs แล้วนำเข้าระบบ ในกรณีที่เซลล์ทำงานแบบออฟไลน์ จะต้องนำเอาข้อมูลที่จดในกระดาษมากรอกลงใน Excel ก่อนนำเข้าสู่ระบบอีกที คุณจะเห็นได้ว่าวิธีคลาสสิกนี้ มีขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อน แต่ R-CRM จะสามารถลิ้งก์ข้อมูลเชื่อมต่อหากันได้ เมื่อลูกค้าบนเว็บไซต์ ร้านค้าออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดีย มีการกรอกข้อมูล หรือ สั่งซื้อสินค้า การกรอกข้อมูลสามารถดึงเข้าระบบ R-CRM ได้เลยทันที ในขณะที่การส่ง E-mail ในระบบ R-CRM สามารถดึงอีเมลมาใส่ในช่อง ส่งถึง โดยอัตโนมัติ สามารถพิมพ์อีเมล แนบไฟล์ต่างๆ แล้วกดส่งได้เลย ไม่ต้องผ่านแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถจัดทำเทมแพลตอีเมลได้เองด้วย และเมื่อลูกค้าเปิดอ่านอีเมลแล้ว ก็จะสามารถรู้ได้ทันที
จุดเด่นของ R-CRM
1.บริหารทีมขายอย่างมืออาชีพ
ช่วยให้ธุรกิจหรือเซลล์ขายสามารถมองเห็นภาพรวมของทีมและดีล ธุรกิจสามารถดูการทำงานของเซลล์ขายแต่ละคนได้เลยว่ามีการดูแล การพูดคุยกับลูกค้าอย่างไร ปิดการขายได้เท่าไหร่ ช่วงเวลาไหน
2.บริหารจัดการ Lead
R-CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการ Lead ได้ง่ายๆ สามารถเปลี่ยนสถานะของ Lead หรือมอบหมายให้ทีมขายดูแล Lead ต่อได้ นอกจากนั้นยังสามารถติดป้าย Label สร้างโน้ตและระบุ Location ให้กับลูกค้าหรือ Lead แต่ละรายชื่อได้ พร้อมสร้าง Reminder เพื่อไม่ให้พลาดทุกการติดต่อ
3.ส่ง E-mail และ Monitor
คุณสามารถส่งอีเมลหรือแนบไฟล์ ส่งให้กับ Lead ได้ผ่านระบบ R-CRM ครบและจบในที่เดียว ไม่ต้องเปลี่ยนโปรแกรมไปมาให้เสียเวลา นอกจากนั้นยังสามารถรู้ได้เลยทันทีว่า ลูกค้ามีการเปิดอ่านอีเมลแล้วหรือยัง
4. R-Insight ระบบรายงานผล
R-CRM ออกแบบมาเพื่อแสดงข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำเอาข้อมูลเหล่านั้นไปพัฒนาทีมขายได้ในอนาคต รวมถึงการส่งมอบสินค้า บริการ และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
5.จัดการสินค้าและบริการ
คุณสามารถจัดการสินค้าและบริการได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการระบุรหัสสินค้า ไปจนถึงการออกใบเสนอราคาผ่าน R-CRM จะส่งใบเสนอราคา หรือ ลิ้งก์ใบเสนอราคาให้กับลูกค้าทางอีเมล ก็ยังทำได้
6.บริหารจัดการทะเบียนลูกค้า
คุณสามารถเก็บข้อมูลและบริหารจัดการทะเบียนลูกค้าไว้ใน R-CRM โดยสามารถเรียกดูประวัติการซื้อขาย ลูกค้าแต่ละเจ้าได้ ซึ่งถ้าหากคุณใช้ ระบบ E-Commerce ของ ReadyPlanet ร่วมกัน ระบบจะสามารถดึงข้อมูลลูกค้ามาจัดเก็บให้ได้โดยอัตโนมัติ
R-CRM ราคาเท่าไหร่?
R-CRM มีค่าบริการที่คิดตามจำนวนรายชื่อต่อปี โดยมีแพ็กเกจหลัก 4 แพ็คเกจ ดังนี้
- Free ใช้งานฟรี จำกัด 100 รายชื่อ
- Premium เริ่มต้นในราคา 6,500 บาทต่อปี
- Gold เริ่มต้นในราคา 8,500 บาทต่อปี
- Platinum เริ่มต้นในราคา 15,000 บาทต่อปี
ข้อดีข้อเสียของ R-CRM
ข้อดี R-CRM
- เป็นระบบที่ใช้งานง่าย
- เหมาะกับงานขายโดยเฉพาะ
- บริหารจัดการลูกค้าและทีมขายได้ง่ายขึ้น
- เชื่อมต่อกับ Facebook Ads และ Google Ads ได้
ข้อเสีย R-CRM
- การเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ในระดับสากลยังไม่หลากหลาย
สรุป R-CRM ดีหรือไม่?
ถ้าถามว่า R-CRM ดีหรือไม่ โดย R-CRM จะแนะนำสำหรับบริษัทขนาดเล็ก-กลาง เหมาะกับการขายสินค้าหรือบริการที่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนาน และบริษัทที่มีเซลล์ขายหลายคน แต่ไม่แนะนำสำหรับบริษัท B2B เป็นลูกค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องติดต่อประสานงานกันหลายคน หรือ บริษัทที่ขายสินค้าอุปโภค บริโภค ซึ่งอาจใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อไม่นาน
ทางเลือกอื่นสำหรับ R-CRM คืออะไร?
R-CRM เทียบกับ Salesforce
เมื่อเทียบกับ Salesforce แล้ว Salesforce ถือได้ว่ามีความเป็นสากลและมีความหลากหลายมากกว่า เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์อันดับต้นๆ ของโลก เหมาะกับธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ โดยผลิตภัณฑ์ Salesforce ทั้งหมดทำงานบนระบบคลาวด์ ดังนั้น พนักงานทุกคนสามารถทำงานจากอุปกรณ์ใดก็ได้ ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แม้ว่า Salesforce จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
R-CRM กับ HubSpot
HubSpot คือ ซอฟต์แวร์ทำ Inbound Marketing & Sales ชั้นนำ ช่วยให้ผู้คนรู้จักธุรกิจของคุณ และเปลี่ยนผู้คนเหล่านั้นให้กลายมาเป็นลูกค้า จุดเด่นของ HubSpot เป็นเครื่องมือ All in one ช่วยให้ทีมงานการตลาดและทีมขายสามารถทำงานบนแพลตฟอร์มเดียวกันได้ โดย HubSpot เหมาะกับธุรกิจ B2B และ B2C ในขณะที่ R-CRM อย่างที่บอกว่าไม่แนะนำสำหรับ ธุรกิจ B2B อย่างไรก็ตาม แม้ว่า HubSpot จะเหมาะกับธุรกิจ B2B และ B2C แต่ก็ไม่เหมาะกับการขายของเป็นชิ้นๆ แล้วจบไป โดยที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อทำการตลาดแบบต่อเนื่อง